วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ในระบบเครือข่าย

2.2.6  การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ในระบบเครือข่าย
หมายถึง การสร้างเส้นทางการสื่อสารเพื่อส่งข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์หนึ่ง  แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ           
            1. รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบจุดต่อจุด (peer- to-peer)
เป็นการเชื่อมต่อแบบพื้นฐาน โดยต่อจากอุปกรณ์รับหรือส่ง 2 ชุด ใช้สายสื่อสารเพียงสายเดียวมีความยาวของสายไม่จำกัด เชื่อมต่อสายสื่อสารไว้ตลอดเวลา (Lease Line) ซึ่งสายส่งอาจจะเป็นชนิดสายส่งทางเดียว (Simplex) สายส่งกึ่งทางคู่ (Half-duplex) หรือสายส่งทางคู่แบบสมบูรณ์ (Full-duplex) ก็ได้ และสามารถส่งสัญญาณข้อมูลได้ทั้งแบบซิงโครนัสหรือแบบอซิงโครนัส การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุดมีได้หลายลักษณะ ซึ่งการเชื่อมด้วยวิธีนี้จะมีคุณสมบัติ 3 ประการ ที่สำคัญ ดังนี้
1. เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อกันแบบโดยตรงระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่องแบนด์วิดธ์บนสายสื่อสารที่ใช้งานระหว่างกันจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีโหมดอื่น ๆ เข้ามาแชร์การใช้งาน
                    2. มีความยืดหยุ่นในส่วนของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้สื่อสารกัน รวมถึงรูปแบบของแพ็กเก็ตข้อมูล                               3. มีความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวในข้อมูลที่สื่อสารกัน เนื่องจากช่องทางการสื่อสารที่ใช้สื่อสารกันไม่มีการแชร์เพื่อใช้งานร่วมกับโหมดอื่น ๆ  ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของการเชื่อมแบบจุดต่อจุดคือ จะส่งผกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีอัตราการเพิ่มจำวนคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย โดยหากมีการเพิ่มจำนวนคอมพิวเตอร์เพิ่มอีกหนึ่งเครื่องบน Location 1 จะต้องเพิ่มสายจากเดิมที่มีอยู่ 10 เส้น เป็น 15 เส้น นั่นหมายถึง หากมีการเพิ่มจำนวน N เครื่องเข้าไป จำนวนสายที่ต้องโยงก็จะเพิ่มขึ้นใหม่เป็น N – 1 นั่นเอง
           

            2. การเชื่อมต่อแบบหลายจุด (Multi Point)
                         เนื่องจากค่าเช่าช่องทางในการส่งผ่านข้อมูลต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุดนั้นสิ้นเปลืองสายสื่อสารมาก การส่งข้อมูลไม่ได้ใช้งานตลอดเวลา จึงมีแนวความคิดที่จะใช้สายสื่อสารเพียงสายเดียวแต่เชื่อมต่อกับหลายๆ จุดซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า ลักษณะการเชื่อมต่อแบบหลายจุดแสดงให้เห็นได้  
                        การเชื่อมต่อแบบหลายจุดแต่จุดจะมีบัฟเฟอร์ (Buffer) ซึ่งเป็นที่พักเก็บข้อมูลชั่วคราวก่อนทำการส่ง โดยบัฟเฟอร์จะรับข้อมูลมาเก็บเรื่อย ๆ จนเต็มบัฟเฟอร์ ข้อมูลจะถูกส่งทันทีหรือเมื่อมีคำสั่งให้ส่ง เพื่อใช้สายสื่อสารให้เต็มประสิทธิภาพในการส่งแต่ละครั้ง และช่วงใดที่ว่างก็สามารถให้ผู้อื่นส่งได้ การเชื่อมต่อแบบนี้จะเหมาะกับการสื่อสารที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และเป็นข้อมูลที่ไม่ต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการสื่อสารข้อมูลโดยวิธีการเชื่อมต่อแบบหลายจุดจะประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้ระบบสื่อสารได้ค่อนข้างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการดังต่อไปนี้ 
1.      ประสิทธิภาพของเครื่องและซอฟต์แวร์ที่ใช้สื่อสารข้อมูล 
2.      ปริมาณการส่งผ่านข้อมูลที่เกิดขึ้นจากสถานีส่งและรับข้อมูล 
3.      ความเร็วของช่องทางการส่งผ่านข้อมูลที่ใช้ 
4.      ข้อจำกัดที่ออกโดยองค์การที่ควบคุมการสื่อสารของแต่ละประเทศ

วิธีการต่อสาย LAN
            1.  ก่อนอื่นให้คุณตัดฉนวน PVC  ที่หุ้มสายออกโดยให้ตัดห่างจากปลายสายเข้ามาประมาณครึ่งนิ้ว  (17/32 นิ้ว)
2.  จากนั้นตัดสาย Shieled  ที่มีลักษณะเป็นร่างแหชั้นที่ 2 ออก  โดยตัดให้ห่างจากปลายสายเข้ามา  8/32 นิ้ว หรือ 1/4 นิ้ว
3.  จากนั้นให้คุณตัดฉนวนสีขาวชั้นในออกโดยตัดให้ห่างจากปลายสายเข้ามาประมาณ 6/32 นิ้ว4.  หลังจากที่เตรียมสายเสร็จแล้ว  ให้คุณนำตัว BNC Connector หรือขั้วต่อมาเชื่อมต่อ
โดยขั้วต่อจะมีส่วนประกอบทั้งหมด 3 ส่วนดังนี้
5.  ให้คุณนำเอาสายที่ได้เตรียมไว้สวมเข้าไปในส่วนที่ 1 ไว้ก่อน
6. นำส่วนที่ 2 ที่มีลักษณะเป็นเข้มเล็กๆมาสวมกับสายที่ได้เตรียมไว้ หากคุณตัดสายได้ตามสัดส่วนที่กำหนดสายจะพอดีหัวขั้ว
7.  นำสายไปเสียบกับหัวขั้วส่วนที่ แล้วเลื่อนปลอกเข้ามาให้ชิดกับหัวขั้วและใช้คีมบีบปลอกให้ยึดติดกับหัวขั้วและสาย
8.  ทำตามขั้นตอนกับสายอีกด้านก็จะได้สายที่พร้อมใช้งาน 1 เส้น


การต่อสาย UTP
           การต่อสาย UTP  จะมีวิธีต่ออยู่ แบบคือ  การต่อแบบไขว้ และต่อแบบตรง  โดยที่การต่อแบบไขว้จะใช้สำหรับการต่อเครื่อง 2 เครื่องเข้าด้วยกัน  และการต่อแบบตรงจะเป็นการต่อเครื่องทุกเครื่องเข้ากับ ฮับ ซึ่งจะมีวิธีการต่อสายแต่ละแบบดังนี้
วิธีการต่อสายแบบไขว้
            การต่อสายแบบไขว้จะมีวิธีการเรียงสายอยู่ 2 วิธี คือ การต่อไขว้ขนาดความเร็ว 10 Mb และขนาดความเร็ว 100 Mb ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการเรียงสายแบบไขว้ขนาดความเร็ว 10 Mb จะมีวิธีการเรียงสายโดยไขว้สายที่ 1่กับสายที่ 3 และสายที่ 2 กับสายที่ 6 ดังภาพต่อไปนี้

รูปที่ 2.10 การต่อไขว้ขนาดความเร็ว 10 Mb

            สำหรับการต่อแบบไขว้ขนาดความเร็ว 100 Mb การต่อแบบนี้จะต้องใช้สายระดับ CAT 5  ไม่สามารถใช้สายที่ต่ำกว่านี้ได้ วิธีการต่อสายแบบนี้สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่มีความเร็ว  10 Mb   ก็ได้  โดยวิธีการเรียงสายแบบนี้จะคล้ายกับวิธีการเรียงสาย ขนาด 10 Mb แต่จะต้องไขว้สายที่ 4 กับสายที่ 7 และสายที่ 5 กับสายที่ 8 เพิ่มขึ้นด้วยดังภาพตัวอย่างต่อไปนี้


รูปที่ 2.11 การต่อแบบไขว้ขนาดความเร็ว 100 Mb


วิธีการต่อสายUTP แบบตรง
            1.  ใช้มีดคัตเตอร์ปอกสาย  การปอกต้องระวังอย่าให้สายในขาด

  รูปที่ 2.12 ปอกสาย 

            2.  คลี่สายในออกและทำการจัดเรียงสายตามที่ต้องการต่อ โดยเรียงสายทั้ง 8 ให้แบนเพื่อสะดวกในการเข้าสาย

รูปที่ 2.13 คลี่สายในออก


            3.  ตัดปลายสายทั้ง 8 ให้ตรงกัน

รูปที่ 2.14 เรียงสาย

    


4.  นำสายที่เรียงไว้ทั้ง 8 เสียบเข้าไปกับตัว URL 45 Connector โดยให้หันด้านที่มีขาล็อคขึ้นด้านบนให้เสียบสายที่ 1 เข้าที่ช่องซ้ายสุด และเรียงตามลำดับต่อไป

รูปที่ 2.15 เสียบเข้าไปกับตัว URL 45 Connector

            5.  ใช้คีมจัมป์สายทำการจัมป์สาย โดยให้ตัว RJ45 Connector อยู่ตรงร่องของคีมจัมป์ แล้วบีบคีมให้แน่นคีมจะบีบให้สายติดแน่นอยู่กับตัว RJ-45 Connector

รูปที่ 2.16 ทำการจัมป์สาย
   



            6. ทำการเข้าสายอีกด้าน ก็จะได้สายที่พร้อมใช้งาน 1 เส้น


รูปที่ 2.17 ทำการเข้าสายอีกด้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น